สระเดี่ยว หรือ สระแท้ คือสระที่เกิดจากฐานเพียงฐานเดียว มีทั้งสิ้น 18 เสียง
|
สระประสม คือสระที่เกิดจากสระเดี่ยวสองเสียงมาประสมกัน เกิดการเลื่อนของลิ้นในระดับสูงลดลงสู่ระดับต่ำ ดังนั้นจึงสามารถเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "สระเลื่อน" มี 3 เสียงดังนี้
- เ–ีย ประสมจากสระ อี และ อา
- เ–ือ ประสมจากสระ อือ และ อา
- –ัว ประสมจากสระ อู และ อา
สระเกิน คือสระที่มีเสียงของพยัญชนะปนอยู่ มี 8 เสียงดังนี้
- –ำ ประสมจาก อะ + ม (อัม) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาม)
- ใ– ประสมจาก อะ + ย (อัย) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย)
- ไ– ประสมจาก อะ + ย (อัย) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาย)
- เ–า ประสมจาก อะ + ว (เอา) บางครั้งออกเสียงยาวเวลาพูด (อาว)
- ฤ ประสมจาก ร + อึ (รึ) บางครั้งเปลี่ยนเป็น (ริ) หรือ (เรอ)
- ฤๅ ประสมจาก ร + อือ (รือ)
- ฦ ประสมจาก ล + อึ (ลึ)
- ฦๅ ประสมจาก ล + อือ (ลือ)
บางตำราก็ว่าสระเกินเป็นพยางค์ ไม่ถูกจัดว่าเป็นสระ
สระบางรูปเมื่อมีพยัญชนะสะกด จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระ
1. คำที่สะกดด้วย –ะ + ว นั้นไม่มี เพราะซ้ำกับ –ัว แต่เปลี่ยนไปใช้ เ–า แทน
2. คำที่สะกดด้วย –อ + ร จะลดรูปเป็น –ร ไม่มีตัวออ เช่น พร ศร จร ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ โ–ะ ดังนั้นคำที่สะกดด้วย โ–ะ + ร จึงไม่มี
3. คำที่สะกดด้วย เ–อ + ย จะลดรูปเป็น เ–ย ไม่มีพินทุ์อิ เช่น เคย เนย เลย ซึ่งก็จะไปซ้ำกับสระ เ– ดังนั้นคำที่สะกดด้วย เ– + ย จึงไม่มี
4. พบได้น้อยคำเท่านั้นเช่น เทอญ เทอม
5. มีพยัญชนะสะกดเป็น ย เท่านั้น เช่น ไทย ไชย
สระเสียงสั้น
|
สระเสียงยาว
|
สระเกิน
|
|||
ไม่มีตัวสะกด
|
มีตัวสะกด
|
ไม่มีตัวสะกด
|
มีตัวสะกด
|
ไม่มีตัวสะกด
|
มีตัวสะกด
|
–ะ
|
–ั–¹
|
–า
|
–า–
|
–ำ
|
(ไม่มี)
|
–ิ
|
–ิ–
|
–ี
|
–ี–
|
ใ–
|
(ไม่มี)
|
–ึ
|
–ึ–
|
–ือ
|
–ื–
|
ไ–
|
ไ––⁵
|
–ุ
|
–ุ–
|
–ู
|
–ู–
|
เ–า
|
(ไม่มี)
|
เ–ะ
|
เ–็–
|
เ–
|
เ––
|
ฤ, –ฤ
|
ฤ–, –ฤ–
|
แ–ะ
|
แ–็–
|
แ–
|
แ––
|
ฤๅ
|
(ไม่มี)
|
โ–ะ
|
––
|
โ–
|
โ––
|
ฦ, –ฦ
|
ฦ–, –ฦ–
|
เ–าะ
|
–็อ–
|
–อ
|
–อ–²
|
ฦๅ
|
(ไม่มี)
|
–ัวะ
|
(ไม่มี)
|
–ัว
|
–ว–
|
||
เ–ียะ
|
(ไม่มี)
|
เ–ีย
|
เ–ีย–
|
||
เ–ือะ
|
(ไม่มี)
|
เ–ือ
|
เ–ือ–
|
||
เ–อะ
|
(ไม่มี)
|
เ–อ
|
เ–ิ–³, เ–อ–⁴
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น